ประวัติส่วนตัว ลูก้า โมดริช
ชื่อ : ลูก้า โมดริช
วัน/เดือน/ปี กำเนิด : 09/09/1985
อายุ : 26 ปี
ความสูง/น้ำหนัก : 171/67
สโมสร : เรอัล มาดริด
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์ตัวรุก
ลูก้า โมดริช เกิดที่ ซาดาร์ ยูโกสลาเวีย ระหว่างการสู้รบปล่อยตนเองของโครเอเชีย โมดริช และก็ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้าน โมดริซี ใกล้กับ โอโบรวัช แม้กระนั้นพวกเขาจะต้องถูกบังคับให้ย้ายถิ่นไปจากรอบๆดังที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อในตอนที่โมดริช อายุ 6 ขวบ โดยบิดาของเขา สติเป เคยเป็นทหารโครเอเชีย และก็เขาเสียปู่ของตนจากการสู้รบ ช่วงเวลาที่ครอบครัวของเขากำลังหลีกภัยในอพาร์เม้นท์แห่งหนึ่งที่ ซาดาร์ บิดาของโมดริช กลับไปรับราชการทหารอีกรอบ โดยเขาใช้เงินที่มีอยู่น้อยนิดในครอบครัว สนับสนุนลูกชายของตนเข้าสถานที่เรียนบอลในเขตแดน
ภายหลังได้โชว์ความสามารถพิเศษด้านฝีเท้าให้หลายๆคนได้มองเห็น โมดริช ได้เซ็นสัญญากับ ดินาโม ซาเกร็บ ตอนอายุ 17 ปี ในปี 2002 ก่อนที่จะได้คำสัญญาถาวรในอีก 3 ปีต่อมา ตอนอายุครบ 20 ปี อย่างไรก็แล้วแต่ ฤดูกาลแรกของเจ้าตัวไม่น่าถูกใจนัก เมื่อมิดฟิลด์ร่างเล็ก ไม่บางทีอาจเบิกสกอร์แรกให้กับตนเองได้ แต่ทว่า โมดริช เริ่มกล้าแกร่งขึ้นในปีต่อมา ก่อนที่จะตะบันไปถึง 7 ตุง จากการลงไปในสนาม 31 นัดหมาย แล้วก็เจ้าตัวสามารถศึกษาค้นพบตนเองในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก ในระบบ 4-2-3-1 อีกด้วย พร้อมทั้งช่วยสังกัดเดิมได้แชมป์ลีกในช่วงฤดูกาลดังที่กล่าวถึงแล้ว ฤดูกาล 2006-07 โมดริช ยังคงโชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยม ก่อนที่จะพา ดินาโม คุ้มครองปกป้องแชมป์ลีก ไว้ได้ ทั้งยังได้รางวัลนักฟุตบอลเยี่ยมของลีก รายปีนั้นด้วย
สเปอร์ส
แม้กระนั้น ตอนต้นฤดูกาล ตัวรุกร่างจิ๋ว พบงานทุกข์ยากพอควร เนื่องจากอยู่ในตอนปรับนิสัย ทั้งเกมในอังกฤษเล่นกันหนัก ด้วยสรีระอันผอมแห้งแรงน้อย ทำให้เจ้าตัวจำต้องกระเสือกกระสนมากยิ่งกว่าพาบอลไปด้านหน้า ประกอบกับ ธมดริช โดนจับให้มาเล่นตำแหน่งซึ่งไม่คุ้นเคยอย่างกองกลางตัวเชื่อมเกม (จำต้องลงมาช่วยเกมรับ) ในระบบ 4-4-2 ทั้งๆที่ตำแหน่งของเขาควรจะเป็นหน้าต่ำเพียงแค่นั้น ยิ่งไปกว่านั้นมิดฟิลด์จอมแนวทาง ยังพบการบาดเจ็บโจมตีกระทั่งเข้าๆออกๆในกลุ่ม
อนาคตของ โมดริช ทำท่าจะมืดมน แม้กระนั้นภายหลัง รามอส ถูกให้ออกไป กับการเข้ามาของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ที่ปรึกษาใหม่ ทำให้ ลูก้า กลายเป็นคนละคน ภายหลังจากโดนจับไปเล่นตำแหน่งถนัดเป็นหน้าต่ำ อยู่ข้างหลังแผงหน้าอย่าง โรมัน พาฟลิวศาสนาเชนโก้เก๋ สลับกับ ดาร์เรน เบนท์ ซึ่งในตอนครึ่งฤดูข้างหลังนั้นเอง โมดริช กลับมาเป็นคนเดิมราวกับที่เคยเล่นให้ ดินาโม ซาเกร็บ รวมทั้ง กลุ่มชาติโครเอเชียอีกที ก่อนที่จะพาทีมจบชั้น 8 ในลีก
เรอัล มาดริด
ฤดู 2012-13
12 ส.ค. ภายหลังจากกลายเป็นว่ากลุ่มยักษ์ใหญ่ต่างแก่งแย่งตัวรุกรายนี้ไปร่วมกลุ่มสุดท้ายก็ได้กติกาว่าเป็น เรอัล มาดริด มหาอำนาจจากประเทศสเปนคว้าตัวไปร่วมกองทัพได้จนได้ด้วยข้อตกลงระยะยาว 5 ปีเต็มรวมทั้งราคาอยู่ที่ 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,314 ล้านบาท) ต่อไป 2 วันประลงไปในสนามเป็นตัวสำรองในเกมสำคัญที่เจอกับคู่แข่งขันตลอดกาลอย่าง บาร์เซโลน่า สแปนิช ซูเปอร์ คัพ และก็สังกัดเดิมก็สามารถเอาชนะไปได้ก็เลยแปลงเป็นโทรฟี้แรกที่เจ้าตัวคว้าได้ภายหลังจากเซ็นสัญญาได้เพียงแค่ 36 ชั่วโมงเพียงแค่นั้นแม้กระนั้นถึงแบบงั้น โมดริช ที่อยู่ภายใต้การควบคุมบังเหียนของ โจเซ่ มูรินโญ่ ยังจำเป็นต้องจะต้องปรับพฤติกรรมอีกมากจนถึงทีแรกๆกลายเป็นสำรองซะโดยมาก
3 เดือนพฤศจิกายน พังทลายประตูแรกในสีเสื้อพระราชาชุดขาวได้เสร็จสำหรับเพื่อการกระหน่ำเอาชนะ เรอัล ซาราโกซ่า กินขาด 4-0 แม้กระนั้นด้วยผลพวงจากการลงไปในสนามที่ไม่ตลอดทำให้กองกลางโครแอตรายนี้ยังโชว์ฟอร์ไม่สะเด่าราวกับขณะที่อยู่คลับไก่ ก็เลยทำให้ตัวเขาทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันมากแค่ไหนนักในช่วงฤดูกาลแรกกับ เรอัล มาดริด
ฤดู 2013-14
ภายหลังจากทางสมาคมตกลงใจตะเพิด โจเซ่ มูรินโญ่ พ้นเก้าอี้กับการเข้ามาของ คาร์โล อันเชล็อตติ ทำให้ โมดริช ได้เฉิดฉันอีกรอบเพราะว่าเขาแปลงเป็นกำลังหลักของ อันเชล็อตตำหนิ โดยทันทีโดยลงติดต่อประสานงานร่วมกับลำแข้งรุ่นเก๋าอีกคนอย่าง ชาบี อลอนโซ่ สำหรับเพื่อการเคลื่อนเกมตรงกลางรวมทั้งเขาก็ไม่ทำให้สาวกราชันชุดขาวผิดหวังเพราะมีสถิติการส่งบอลที่เหมาะสมที่สุดในศึก ลา ลีกา มากถึง 90% แล้วก็เป็นหัวใจสำคัญสำหรับการปัดกวาดบอลก่อนถึงแผงหลัง ซึ่งประตูซึ่งสามารถทำเป็นเกิดขึ้นในรายการแชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบแบ่งกลุ่มสำหรับเพื่อการเจอกับ โคเปเฮเก้น ยอดกลุ่มจากเดมมาร์กหลังแล้วต่อจากนั้นก็ได้ออกตัวเป็นตัวจริงเรื่อยๆมา
เผลอแปปเดียวเจ้าตัวก็ลงเล่นครบ 100 นัดหมายเป็นครั้งเป็นระเบียบในเกมเจอศึกหนักอย่าง บาเยิร์น มิวนิค โคตรกลุ่มจากเมืองเบียร์ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศก่อนที่จะโชว์ฟอร์มเด่นด้วยการจัดไปหนึ่งแอสซิสต์ในเกมเลกสองที่เอาชนะ “เสือใต้” กินขาด 4-0 พร้อมทั้งพา เรอัล มาดริด ทะลุไปสู่รอบชิงแชมป์ในถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีด้วยผลงานอันเด่นเจ้าตัวมีชื่ออยู่ในกลุ่มเหมาะสมที่สุดรายสัปดาห์ของยูฟ่าเสียด้วย ตราบจนกระทั่งในวันที่ 24 พ.ค.เกมนัดหมายชิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก ที่จำต้องเจอกับคู่รักคู่แค้นอย่าง แอตฯมาดริด ก็ยังไม่วายใส่อีกหนึ่งแอสซิสต์ช่วยทำให้กลุ่มตามไล่เจ๊าในนาทีที่ 93 ก่อนจำต้องขยายเวลาพิเศษอีก 30 นาทีและก็เป็น ราชันชุดขาว ที่เด็ดขาดกว่าเอาชนะไปได้ 4-1 พร้อมเถลิงแชมป์ยุโรปอย่างหนำใจแล้วก็แน่ๆ โมดริช ได้เป็น 11 ผู้เล่นดีที่สุดของสัมพันธ์ยูฟ่าในฤดูกาลนี้
ฤดู 2014-15
จากผลงานซึ่งมีแต่จะดียิ่งขึ้นเรื่อยทำให้ “ราชันชุดขาว” ไม่รอคอยช้ากระทำจับเจ้าตัวยืดคำสัญญาดวงใจออกไปจนกระทั่งปี 2018 กับต้อนรับคู่ขาคนใหม่อย่าง โทนี่ วัวรส ที่ตกลงใจย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ในเยอรมัน จั่วหัวฤดูกาลนี้ด้วยการลงเล่นถ้วยยูฟ่า คัพ ที่จะต้องเจอ เซบีญ่า กลุ่มร่วมลีกก่อนที่จะเอาชนะไปได้เปิดฉากถ้วยแรกในช่วงฤดูกาลนี้ได้เสร็จ
ในช่วงท้ายของเดือน พ.ย. เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บหนักที่แข้งในเกมฝึกซ้อมกับกลุ่มชาติอิตาลี่ พร้อมทั้งคอนเฟิร์มว่าจะมิได้ลงเล่นบอลนานถึง 3 เดือนร่วมกัน จนกว่าต้นเดือนเดือนมีนาคม 2015 เจ้าตัวกลับมาลงไปในสนามได้อีกรอบและก็กำลังอยู่ในตอนคาดคั้นฟอร์มเก่งกลับมาดังเดิมแม้กระนั้นก็จำเป็นต้องโชคร้ายอีกรอบเพราะว่าในเกม ลา ลีกา ที่เอาชนะมาลาก้า 3-1 โมดริช ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะหัวเข่าจนกระทั่งขึ้นหมดสิทธิ์ลงเล่นในฤดูกาลนี้แล้วรวมทั้งห่วยแตกไปกว่านั้นก็เป็นเมื่อกองกลางร่างจิ๋วหายไป ราชันชุดขาว โชว์ฟอร์มเก่งไม่ออกเลยกระทั่งชวดแชมป์ในช่วงฤดูกาลนั้นไป
ฤดู 2015-16
คาร์โล อันเชล็อตติ ตกลงใจลาออกจากการเป็นที่ปรึกษารวมทั้งแทนที่ด้วย ราฟาเอล เบนิเตซ แม้จะเปลี่ยนตัวจับบังเหียนจำนวนกี่ครั้ง โมดริช ก็ยังคงเป็นคีย์แมนประจำกลุ่มดังเช่นเดิมภายหลังจากสลัดคราบเดี้ยงกลับมาได้เจ้าตัวก็ยังผลิตการแอสซิสต์ให้กับเพื่อนพ้องร่วมกลุ่มอยู่เรื่อยแม้กระนั้นเพียงพอถึงตอนรับใช้นามกลุ่มชาติ โมดริช ก็ได้รับเจ็บอีกทีถึงผลงานของกลุ่มเบาๆลดน้อยไปอีกที จนกระทั่งสมาพันธ์ตกลงใจปลด ราฟาเอล เบนิเตซ กลางทางแล้วก็ตอบแทนที่ลูกหม้ออย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ก่อนที่จะพา เรอัล มาดริด กลับมาเป็นกลุ่มเดิมที่ฟอร์มเก่งอีกรอบ
ซึ่งภายหลัง ซีดาน เข้ามาจับบังเหียน โมดริช ได้ออกมาเปิดเผยว่า ซีดาน จะแปลงเป็นผู้จัดการทีมที่สุดยอดในอนาคตได้ไพเราะเขามีสมาคมที่ดีกับสมาชิกทุกคน ภายหลังสลัดคราบเปื้อนเดี้ยงกลับมาได้ 7 เดือนกุมภาพันธ์ เปลี่ยนเป็นวีรบุรุษซัดชัยพาทีมเชือด กรานาด้า 2-1 แล้วก็พร้อมกลับมาเป็นตัวหลักอีกที
แหล่งที่มา.. sport-idol…
ความเห็นล่าสุด